The Opium War 1997 สงครามฝิ่นสิ้นฮ่องกง 1997 ดูหนัง
The Opium War 1997 สงครามฝิ่นสิ้นฮ่องกง 1997 ดูหนัง ละครประวัติศาสตร์เริ่มต้นในปี 1839 ในกวางโจวที่พ่อค้าชาวอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับฝิ่นจะถูกประหารชีวิตเพราะฝิ่นกำลังทำลายจักรวรรดิ หลังจากการเผาฝิ่น 20,000 กล่องโดยชาวจีน อังกฤษประกาศสงครามเนื่องจากฝิ่นที่ถูกเผานั้นเป็นสมบัติของทูตการค้าของอังกฤษที่ซื้อมันมาจากพ่อค้าชาวอังกฤษ สงครามฝิ่นสิ้นเกาะฮ่องกง ภาพยนตร์ประเด็นนี้ สร้างโดยรัฐบาลจีน เนื่องในโอกาสที่ได้รับเกาะฮ่องกงคืนจากอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2540 ( คริสต์ศักราช1997 )
เรื่องย่อ
พูดถึงการปราบฝิ่นในสงครามฝิ่นครั้งที่ 1ในยุคจักรพรรดิเต้ากวง ฮ่องเต้ท่านที่ 8 ในสมัยวงศ์สกุลชิง ผ่านการดำเนินเรื่องโดย “หลินเจ๋อสวี” เจ้าขุนมูลนายซื่อสัตย์ผู้รังเกียจการค้าขายฝิ่นของต่างประเทศ ได้รับราชโองการไปกวางตุ้งเพื่อปราบฝิ่น เรื่องราวจะเดินต่อไปอย่างไรติดตามดูได้เลยขอรับ แสดงนำโดย ป้าวกว๋ออันผู้รับโจโฉในสามก๊ก 1994 มารับบทเป็น หลินเจ๋อสวี
สงครามฝิ่น สิ้นฮ่องกง The Opium War ผมได้เริ่มเขียนเรื่องราวของหนัง ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนมาเป็น เอนทรีที่ 3 แล้วนะครับ ทีแรกๆตั้งอกตั้งใจจะเขียนเรื่อง พระนางซูสีไทเฮา ซึ่งมีหนังกล่าวไว้หลายเรื่อง และไทยรู้จักอค่อนข้างจะดี แต่เปลี่ยนความคิด ขอมาเขียนเรื่องที่ตะวันตกแผ่กระจายอิทธิพล เข้ามาสูจีน ในยุคล่าอาณานิคมน่าจะมองเห็นเจริญจากสมัย นี้ และก็หนังเรื่องนี้การสู้รบฝิ่นลิ้นประเทศฮ่องกง (The Opium War )
เรื่องนี้ สร้างโดยรัฐบาลจีน เนื่องในช่องทางที่ได้รับเกาะฮ่องกงคืนจากอังกฤษ ในปี 2540 ( 1997 )ในยุควงศ์สกุลชิง ที่ปกครองโดยชนชาติแมนจู ในยุคคังซีฮ่องเต้ มีการขยายอาณาเขตไปอย่างมากมายกว่าในยุคใดๆก็ตามกล่าวอีกนัยหนึ่งสร้างสัมพันธ์กับชาวแมนจูที่อาศัยตอนเหนือตอนแรกให้หนักแน่น ส่งอาวุธและก็กำลังพลไปรักษาชายแดนแถบนี้หลายครั้งเพื่อปกป้องการรุกรานจากชนเผ่าอื่น อีกทั้งยังทรงออกทัพเอง แล้วก็ได้ทำสงครามกับรัสเซียในช่วงของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช รวมทั้งได้รับชัยด้วย ซึ่งการศึกได้จบลงที่การผลิตมิตรภาพต่อกัน
รวมทั้งการเคลื่อนพลบุกเมียนมาร์กระทั่งเมื่อ ข้างหลังยุค เฉียนหลงฮ่องเต้ ราชวงศ์จีนก็อ่อนแอลง เกิดเจ้าขุนมูลนายฉ้อประชาชนบังหลวงเยอะแยะในด้านข้างใน ก็กำเนิดกบฏต่างๆในรัชสมัยของจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ปรากฏกรณีที่กระทบต่อความมั่นคงและยั่งยืนของชาติมาตลอด ได้แก่ กำเนิดกบฏต่างๆการที่เวียดนามขอแยกออกไปเป็นประเทศเอกราช ฯลฯ
ซึ่งพระองค์ทรงใช้ทั้งหลักการที่ผ่อนผันและก็แข็งกร้าวสลับกันไป อาทิเช่น การห้ามชาวแมนจูแต่งงานกับชาวฮั่นเด็ดขาด หรือ การห้ามชาวคริสต์เผยแพร่ศาสนาเด็ดขาด รวมทั้งการห้ามราษฎรสูบฝิ่นด้วย เป็นต้น ซึ่งสิ่งทั้งผองพวกนี้จะมีผลต่อความยั่งยืนตามมาในภายหลังภัยข้างนอกคุกคามที่มาจากทางทะเลก็คืบคลานเข้ามาจีนจำต้องประสบการรุกรานจากชาติตะวันตก
เมื่อชาวต่างชาติเริ่มติดต่อด้านการค้า และก็เผยแพร่ศาสนาคริสต์โปรโตเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาและวางรากฐานที่มาเก๋า และผูกขาดการค้าขายต่างชาติของจีนทั้งหมดทั้งปวงที่ท่าเรือกวางโจวหรือกวางเจา ต่อจากนั้นตามมาด้วยสเปน อังกฤษรวมทั้งประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่เริ่มมีการติดต่อการค้าขายกับจีน ในศตวรรษที่ 18 สินค้า ชา ผ้าไหม แล้วก็เครื่องถ้วยชามเป็นที่เรียกร้องของฝรั่งมากมายก่ายกอง
แต่เพราะเหตุว่าเทคโนโลยีสำหรับการผลิตล้าหลัง ทำให้ผลิไม่ทัน คนอังกฤษก็เลยหาวิธีทำการค้าใหม่โดยการนำผลิตภัณฑ์ไปเปลี่ยนกับวัตถุดิบในประเทศอินเดียแล้วก็ประเทศแถบเอเชียทิศตะวันออกเฉียงใต้ แล้วนำวัตถุดิบมาผลิตเป็นสินค้าครึ่งหนึ่งสำเร็จรูปไปขายในกวางโจว หรือ กวางเจา หมายคือ ฝ้ายดิบ รวมทั้งฝิ่นดิบ ซึ่งฝิ่นในสมัยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกฏหมาย ทางอังกฤษก็เลยลักลอบนำเข้า
สูญเสียพื้นที่เขตดินแดนใหม่ (New Territories)
โดยการต่อว่าดสินบนในยุคจักรพรรดิ์เต้าสู จีนแต่งตั้งหลินเจ๋อสู ไปกวางโจว เพื่อกำจัดเส้นทางลำเลียงฝิ่น หลินประกาศให้ผู้ที่ครอบครองฝิ่นให้เอาออกมามอบให้ทางการด้านในสามวัน เมื่อเลยกำหนดก็เลยได้เข้ายึดคลังเก็บของสต๊อกฝิ่นจากพ่อค้าคนจีน และเข้าล้อมชุมชนคนต่างชาติเพื่อเข้ายึดฝิ่นของชาวอังกฤษจำนวนถึง 20,000 ลังและก็เผาทิ้งทั้งสิ้นผู้ดีอังกฤษไม่พอใจอย่างยิ่ง รัฐบาลอังกฤษจึงส่งเรือรบ 40 ลำ
พร้อมด้วยกำลังทหารกว่า 4000 นายเข้าตีเมืองจีนจากปากอ่าวจูเจียงกองทัพอังกฤษบุกเข้ายึดเมืองนานกิงได้ จนตราบเท่า ท้ายที่สุดจะต้องสนทนาเลิกรบกับอังกฤษ ที่เมืองนานกิงนั่นเอง ก็เลยเรียกว่า สัญญา นานกิงปี 1842 ซึ่งเซ็นบนเรือรบของอังกฤษ บังคับให้รัฐบาลจีนยกเกาะประเทศฮ่องกงให้อังกฤษ บังคับให้เปิดเมืองท่า 5 ที่ให้กับอังกฤษ บังคับให้เก็บภาษีเพียงแต่ 5 เปอร์เซ็น
ให้สิทธิภาวะนอกอาณาเขตให้กับอังกฤษ และใช้ค่าปฏิกรรมสงครามมากไม่น้อยเลยทีเดียว และยังบังคับให้เปิดโอกาสให้สิทธิพิเศษแก่อังกฤษ ถ้าเกิดจีนสิทธิพิเศษอะไรก็ตามแก่ประเทศอื่นตอนนั้นหรือในอนาคต จะต้องให้แก่อังกฤษด้วย ข้อสัญญานี้คนจีนเรียกว่า “ความอัปยศอดสูแห่งชาติ”
ถัดมาจีนก็สูญเสียเอกราชบนเกาะเกาลูนไปอีก ในวันที่ 11 มกราคม พุทธศักราช 2403 (ค.ศ. 1860) ตามข้อตกลงกรุงปักกิ่ง ในรัชกาลพระราชาธิราชเสียนเฟิง (咸丰)จีนยังสูญเสียเวียดนามเหนือหรืออันดกนให้ประเทศฝรั่งเศสหลังปราชัยการรบแก่ฝรั่งเศสในปี 1884-1885
อังกฤษเข้าครอบครองเมียนมาร์เสียสินเจียงให้กับรัสเซียภายหลังที่รัสเซียได้ยึดที่ลุ่มไฮหลงเจียงไปแล้วญี่ปุ่นเองก็ยึดครองไต้หวันหลังจากที่จีนแพ้การทำศึกทางทะเลกับประเทศญี่ปุ่น แล้วก็ญี่ปุ่นยังถือโอกาสยึดครองประเทศเกาหลีรวมทั้งแมนจู ในปี 1898 และอีกครั้งหนึ่ง ช่วงวันที่ 21 ม.ย. พุทธศักราช 2441 (คริสต์ศักราช 1898)
ตรงกับรัชกาลจักรพัตราธิราชกวางสู (光緒帝) ปีที่ 24 ให้กับอังกฤษในสัญญาเช่า 99 ปี นับจากนั้น เซินเจิ้นและก็ฮ่องกงก็ถูกแบ่งแยกการปกครองออกจากกันประเทศตะวันตกที่เหลืออย่างเยอรมัน ประเทศฝรั่งเศส เบลเยี่ยมต่างได้ครอบครองพื้นที่ในสิทธิสภาพนอกอาณาเขต เท่ากับว่าเมืองจีนถูกแบบแยกโดยที่รัฐบาลชิงอ่อนแอเกินที่จะทำอะไรและก็ภายใน พ.ศ. 2443 (คริสต์ศักราช 1900)
คนจีนกว่า 13 ล้านคน ยังคงติดฝิ่นอยู่ เศรษฐกิจของจีนถูกทำลายลงอย่างสั้นๆยยับจากการที่จีนจำต้องนำเข้าฝิ่นเยอะมากๆมายมากมาย และก็ราชวงศ์ชิงก็อ่อนแอลง จนท้ายที่สุดก็ถูกปฏิรูปจะเห็นได้ว่า การรุกรานของประเทศทางตะวันตก มีมาอย่างนาน ว่ากันว่า การสู้รบฝิ่นเกิดมา 2 ครั้ง จีนจำใจต้องเซ็นสัญญาเสียเปรียบเพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ซึ่งช่วงนี้ ทางไทยเองก็ต้องเผชิญการรุกรานจากการขยายอิทธิพลจากต่างประเทศเหมือนกัน
สมัครสมาชิก ID LINE : @win666