[NETFLIX] AK vs AK (2020)

เสียง : ซับไทย

7.3/10

[NETFLIX] AK vs AK (2020) ดูหนัง

[NETFLIX] AK vs AK (2020) ดูหนัง ผู้สร้างภาพยนตร์คนหนึ่งลักพาตัวลูกสาวของดาราจอเงินแล้วก็ตอนที่ดาราตามหาลูกสาวของเขาผู้กำกับก็ค้นหาภาพยนตร์เรื่องถัดไปอย่างท้อใจแบบเรียลไทม์

ชื่อภาพยนตร์ : [NETFLIX] AK vs AK (2020)

แนว/จำพวก : Comedy, Crime, Drama

ผู้กำกับภาพยนตร์ : Vikramaditya Motwane

ผู้เขียนบทหนัง : Anurag Kashyap, Vikramaditya Motwane

ประเทศ: ประเทศอินเดีย

วันเปิดตัว: December 24, 2020

ภาษา: ฮินดี

ความยาว: 1 ชั่วโมง 49 นาที

ดาราหนัง : Anil Kapoor, Anurag Kashyap, Sonam Kapoor, Harshvardhan Kapoor, Boney Kapoor

เรื่องย่อ [NETFLIX] AK vs AK (2020)

ผู้สร้างภาพยนตร์ลักพาตัวบุตรสาวของดาราภาพยนตร์ และในตอนที่ศิลปินค้นหาลูกสาวของเขา ผู้กำกับก็ถ่ายทำการค้นหาอย่างห่อเหี่ยวในแบบเรียลไทม์สำหรับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่องถัดไปของเขา

AK vs AK หนังอินเดีย Netflix พล็อตแปลกแหวกสุดๆด้วยการทำเป็นหนังสารคดีจำลอง (Mockumentary) รวมทั้งซ้อนด้วยหนังอีกครั้ง ว่าด้วยเรื่องของผู้กำกับ VS. ศิลปินดัง ที่ทะเลาะกันจนถึงฝ่ายผู้กำกับตกลงใจล้างแค้นด้วยการลักพาตัวลูกสาวดาราดังมาเป็นตัวรับรอง เพื่ออีกฝ่ายตามมาช่วยบุตรสาวแบบหนัง Taken แต่เป็นเวอร์ชั่นสดเรียลไม่มีบทใดๆทั้งนั้น

นี่เป็นหนังประเทศอินเดียที่มีความแปลกตั้งแต่ชื่อกระทั่งถึงบทกับนักแสดง จึงจำต้องขยายความคอนเซ็ปต์ให้เข้าใจกันก่อนว่าชื่อย่อมาจากชื่อ ผู้แสดงนำฝ่ายทั้งคู่คน Anil Kapoor (อานิล) กับ Anurag Kashyap (อนุราค) ซึ่งคนแรกเป็นผู้แสดงตามบทจริง 100% รวมถึงอีกข้างก็เป็นผู้กำกับจริง 100% เหมือนกัน รวมถึงนักแสดงในเรื่องก็ตัวจริงเล่นเป็นตัวเองทั้งปวง ตัวเรื่องเอาทั้งคู่คนที่มีประวัติการทำงานจริงมายาวนาน รวมทั้งตอนที่ทั้งสองเริ่มมีปัญหากับวัยกลางคน ผลงานย่ำแย่ลงในตอนนี้มาเล่นเป็นบทหนังในเรื่องนี้ แสดงเอง เล่นเอง แต่มิได้ดูแลเอง และเลียนแบบเรื่องเป็นแนวสารคดีถ่ายสด ให้เป็นหนังเล่นจริง เจ็บจริง ไม่มีบทให้อ่านล่วงหน้า (หมายความว่าในหนังหัวข้อนี้ แต่จริงๆเป็นมีบท)

เรียกว่าเป็นหนังซ้อนความเป็นจริงกันหลายชั้นทำเอามึนงงเช่นเดียวกัน (หากคนใดมึนอ่านเรื่องย่อละเอียดในย่อหน้าถัดไป) ซึ่งถ้าหากกระเป๋านชาวอินเดียหรือผู้ที่ติดตามผลงานหนังบอลลีวู๊ดไม่น้อยเลยทีเดียวก็จะเก็ทกับมุกต่างๆในเรื่องที่เอาการจริงมายั่วเล่นให้ขำ อย่างมุก นาวาซัดดิน ซิดดิกรี ที่เป็นนักแสดงลูกค้าประจำดังในอินเตอร์เน็ตฟลิกซ์ที่ถือมาพูดถึงในเรื่องบ่อยๆเหตุเพราะนี่เป็นหนังทุนสร้าง Netflix แท้ๆจึงแปลงเป็นเอาการในแวดวงหนังอินเดียที่หันมาทำให้ Netflix มาล้อผสมไปด้วย

ตัวเรื่องเริ่มจาก อานิล ดาราแอ็กชั่นรุ่นเก่ามาออกรายการคู่กับ อนุราค ผู้กำกับดังในอดีตกาลที่เริ่มมือตก แล้วในรายการสดนั้นทั้งสองวิวาทเถียงกันจากปัญหาที่ว่า ใครกันแน่สำคัญกว่าระหว่างผู้กำกับกับนักแสดง จนกลายมาเป็นเรื่องแตกคอกันเมื่ออนุราคสาดน้ำใส่หน้าอานิลกลางรายการ จนแปลงเป็นดราม่าทอล์คออฟเดอะทาวน์ทำให้โดยบอยคอตเข้าไปอีก ในเวลาที่อีกข้างกลับมาดังขึ้นเรื่อยๆด้วยความแค้นอนุราคจึงตัดสินใจสร้างหนังสดแบบไม่มีบท มีแค่โครงเรื่องที่ว่า ตัวเขาเองเป็นตัวร้ายแค้นอนุราค แล้วจับบุตรสาวโสนัมของอานิลไปเป็นตัวรับรอง กับเชิญชวนให้มาเล่นหนังสดเรื่องนี้ในคืนนั้น จะต้องช่วยลูกสาวให้รอดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น โดยมีกฎห้ามแจ้งตำรวจ หรือติดต่อสื่อสารกับผู้คนอื่น ซึ่งก็แปลงเป็นเกมปั่นประสาทไล่ล่าหาบุตรสาวของอานิลไปทั้งเมือง

โครงเรื่องนี้ จะต้องพูดว่า ไม่ธรรมดาเลย

ตัวเรื่องเปิดโอกาสให้เล่นอะไรได้มากมาย ซึ่งตอนแรกของเรื่องถือว่าสดใหม่น่าติดตามาก จากที่มันถูกจำลองให้เหมือนสารคดีถ่ายทอดไม่มีบท ผู้ชมเองแม้จะรู้ดีว่านี่เป็นหนัง แต่บทในเรื่องถูกวางไว้เป็นแบบด้นสด (เลียนแบบๆ) ตัวเรื่องก็เลยมองน่าติดตามว่าถัดไปจะคืออะไรหากหัวข้อนี้เป็นจริง ซึ่งแน่นอนว่ากฎห้ามแจ้งตำรวจทางอานิลเองก็ไม่ยอมเอาอย่างแต่แรก แต่แปลงเป็นว่าอนุราคก็ดักแผนซ้อนไว้แล้วโดยหลอกผู้ที่อานิลไปพบว่านี่กำลังทำภาพยนตร์ ตัวเรื่องให้ทั้งสองตามติดไปร่วมกันตลอด หากแม้อานิลจะต้องการใช้กำลังบีบคั้นให้บอกที่หลบบุตรสาวก็ทำไม่ได้ เนื่องด้วยอีกฝ่ายถ่ายทอดสดเหตุการณ์บุตรสาวให้ดูสดๆว่าถ้าทำเขาจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งบทในระยะนี้ถือว่าท้าสมองคนดูมากมายว่า ถ้าหากนี่ไม่ใช่หนังแบบ Taken พระเอกอย่างอานิลจะทำอย่างไรให้ช่วยลูกสาวของเขาออกมาได้จริงๆ

แต่จะต้องบอกว่าหลังจากเปิดเรื่องช่วงแรกที่ดูดีสดใหม่ กึ่งกลางเรื่องไปหลายๆอย่างกลับยืดเยื้อรวมทั้งไม่ค่อยสมเหตุผล จนกระทั่งดูเหมือนกับว่าหนังเองก็จนตรอกกับการด้นสดแบบเรียลๆไม่รู้เรื่องว่าจะให้อานิลทำอย่างไรถึงหาทางออกในประเด็นนี้ได้ ซึ่งตัวเรื่องก็วนเวียนไปมากับการที่ให้อานิลไปไล่ถามหาคนที่มีความรู้สึกว่าจะรู้จักกับผู้ที่จับกุมตัวลูกสาวเขาไป รวมทั้งบากบั่นให้มีแนวแอ็กชั่นไล่าใหม่ๆแต่ก็มิได้ทำออกมาดีเลย แถมตัวร้ายอย่างอานุรัคก็เหมือนมิได้มีหน้าที่อะไรมากมายกับเรื่องที่ตัวเองวางไว้ อาจจะเพราะว่าตั้งอกตั้งใจให้ตัวเรื่องเป็นการด้นสดของอานิล จึงทำให้เขาแทบไม่มีหน้าที่อะไรมากมายเว้นเสียแต่ตามมองเฉยๆจนถึงแปลงเป็นช่วงที่น่ารำคาญมาก หนังเหมือนหมดมุกกันกึ่งกลางเรื่องเอาดื้อรั้นๆ

แต่สถานการณ์หนังในเรื่องก็พลิกกลับมาได้เอาส่วนท้ายๆตัวเรื่องกลับซ้อนเกมที่วางไว้ทั้งสิ้น แปลงเป็นมีเรื่องหนังซ้อนหนังในนั้นไปอีกชั้น ซึ่งตอนนีผู้ชมอาจจะเริ่มงงแล้วว่าอะไรจริงอะไรเท็จกันแน่ เพราะทับกันหลายชั้นเหลือเกิน ซึ่งตัวเรื่องก็คลี่คลายกันง่ายๆกับคดีลักพาตัวที่มองรุนแรงมากมายแบบงี้ แม้กระนั้นตัวหนังยังไม่จบแค่นั้น ยังมีต่ออีกชั้นซึ่งกลายเป็นฉากจบที่แอบว้าวได้ราวกับ ซึ่งถ้าหากผู้ใดกันแน่ไม่เคยดูหนังที่จบอย่างนี้ก็คงจะทึ่งกับบทสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่หนังวางไว้ แต่ว่าถ้าเกิดคนใดเคยมองฉากจบอย่างงี้มาแล้วก็บางทีก็อาจจะเฉยๆคาดการณ์ได้จนถึงทำให้หนังประเด็นนี้ไม่แปลกใหม่ไปได้เหมือนกันนะครับ